สถานการณ์ประเทศในขณะนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ลำบาก จากปัจจัยลบการระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 ซ้ำเติมเศรษฐกิจไทย ขณะนี้คงถึงจุดที่รัฐบาลคงต้องพิจารณาหาแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยยาแรง ที่ครอบคลุมทั้งการท่องเที่ยว การบริโภค และการลงทุน เพื่อพยุงเศรษฐกิจไทยปี 63

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มจากประเทศจีน มาจนถึงขณะนี้เริ่มเห็นผลกระทบทางตรงที่ชัดเจนแล้ว เมื่อหลายประเทศยกระดับการป้องกันการแพร่ระบาดให้สูงขึ้น รวมถึงประเทศไทยเช่นกัน ซึ่งเป็นประเทศในลำดับต้นที่มีการตรวจคัดกรองที่เข้มงวดในสนามบินตั้งแต่วันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา และเป็นประเทศแรกที่ประกาศว่ามีการตรวจพบผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีน จนมาถึงปัจจุบันได้เพิ่มความเข้มข้นในมาตรการเฝ้าระวังใน 8 จังหวัด ที่มีชาวต่างชาติมาก คือ กรุงเทพฯ ชลบุรี สมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ ภูเก็ต กระบี่ เชียงรายและ เชียงใหม่

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทุกฝ่ายต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งด้านสังคมและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะหน่วยงานด้านเศรษฐกิจได้ติดตามเพื่อประเมินผลกระทบอย่างใกล้ชิด ซึ่งสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินกรณีฐานคาดว่าการแพร่ระบาดจะผ่อนคลายลงและสิ้นสุดลงในช่วงกลางไตรมาส 2 ซึ่งความรุนแรงของผลกระทบการระบาดที่มีต่อประเทศต่างๆ จะขึ้นอยู่กับการพึ่งพิงทางเศรษฐกิจกับประเทศจีน โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าและการลงทุนโดยตรงจากประเทศจีน รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวจีน

สิ่งที่น่ากังวลต่อการแพร่ระบาดครั้งนี้ คือ ความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดมีสูง ซึ่งทำให้มีการประเมินได้ลำบากว่าสถานการณ์จะจบลงเมื่อใด โดยภาคการท่องเที่ยวเป็นเซคเตอร์ที่ได้รับก่อน โดยจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างชัดเจน สะท้อนจากผู้โดยสารที่เดินทางผ่านสนามบินของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) 6 แห่ง ในเดือน ก.พ.นี้ ลดลงเฉลี่ยวันละ 150,000 คน เทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่แล้วที่มีผู้โดยสารเฉลี่ยวันละ 450,000 คน

ในขณะที่ห่วงโซ่การผลิตและการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศเป็นอีกประเทศที่ได้รับผลกระทบ สินค้าไทยจำนวนหนึ่งโดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่ส่งออกไปประเทศจีนต้องไปติดค้างที่ท่าเรือในประเทศจีน ซึ่งประเด็นนี้จะสร้างความกังวลมากขึ้น หลังจากการปิดทำการของหน่วยงานรัฐและภาคธุรกิจที่ส่วนใหญ่มีกำหนดเปิดทำการในช่วงวันที่ 17-24 ก.พ.2563 ทำให้บริษัทในไทยได้รับผลกระทบจากการนำเข้าวัตถุดิบขั้นกลางจากประเทศจีน

สถานการณ์ประเทศในขณะนี้ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ลำบาก ในการที่จะรับมือแก้ปัญหาเพื่อให้ก้าวข้ามแต่ละเรื่องได้ เมื่อถึงจุดหนึ่งรัฐบาลคงต้องพิจารณาหาแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจในแบบยาแรงออกมาที่ครอบคลุม ทั้งการท่องเที่ยว การบริโภค การลงทุน หลังจากที่ผ่านมาได้ออกมาตรการแต่ผลกระทบมีเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ผลกระทบมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องเร่งดำเนินการเพื่อพยุงเศรษฐกิจปี 2563 ให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด