MOC Library
22 Nov 2019

ส่งออกไทยวูบหนัก สนค. เชื่อปี 2563 ฟื้นตัวได้ สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนส่งสัญญาณบวก: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (22 พ.ย. 2562)



  • จีนเดินหน้าเจรจาการค้าสหรัฐฯ ต่อ โดยวานนี้ หลิวเหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และหัวหน้าคณะเจรจาการค้าจีนได้เชิญคณะเจรจาการค้าสหรัฐฯ ประกอบไปด้วย สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และ โรเบิร์ต ไลต์ทิเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ พร้อมคณะ เข้าร่วมเจรจาการค้าอีกครั้งที่กรุงปักกิ่ง ในช่วงสัปดาห์หน้า ก่อนวันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นวันขอบคุณพระเจ้า สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับท่าทีของ เกาเฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน ที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนระบุว่าทางการจีนยังยินดีให้ความร่วมมือเพื่อให้บรรลุข้อตกลงโดยไว สวนทางกระแสข่าวก่อนหน้านี้จากฟากฝั่งสหรัฐฯ ที่ระบุว่าที่ปรึกษาระดับสูงของโดนัลด์ ทรัมป์ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กล่าวถึงการเจรจาการค้าว่าไม่อาจบรรลุข้อตกลงได้ในปี 2019


 



  • พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ได้แถลงภาวะการค้าของประเทศไทยประจำเดือนตุลาคม 2562 ว่าการส่งออกหดตัว 4.54% สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับการนำเข้าที่หดตัว 7.6% ส่งผลให้ยังคงเกินดุลการค้ากว่า 507 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อนับตั้งแต่ต้นปี การส่งออกหดตัว 2.4% การนำเข้าหดตัว 4.1% ยังคงเกินดุลอยู่ที่ระดับ 7,888 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้คาดการณ์ว่าทั้งปี 2562 การส่งออกของไทยจะหดตัวอยู่ที่ประมาณ 1.5-2% จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะทรงตัวที่ 0% อย่างไรก็ตามคาดการณ์ปี 2563 ยังระบุว่าการส่งออกจะกลับมาขยายตัวอีกครั้งที่ระดับเหนือ 2% จากการส่งออกสินค้าสำคัญหลายชนิดที่เริ่มมีสัญญาณการขยายตัว เช่น น้ำตาลทราย, ผัก, ผลไม้สดแช่เย็น แช่แข็ง กระป๋อง และแปรรูป, ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลี และอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ, เครื่องดื่ม, ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง และสินค้าอุตสาหกรรม เช่น ผลิตภัณฑ์ยาง รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ, เครื่องนุ่งห่ม, เครื่องสำอาง, สบู่และผลิตภัณฑ์รักษาผิว, แผงสวิตช์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า, เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน และนาฬิกาและส่วนประกอบ นอกจากนี้ วัฏจักรการส่งออกเครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ กลับมาเป็นบวกในรอบ 13 เดือน และใกล้เคียงมูลค่าช่วงก่อนมาตรการภาษีภายใต้สงครามการค้ามีผลบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในเดือนกันยายน 2561 เช่นเดียวกับแผงวงจรไฟฟ้าที่เริ่มกลับมาขยายตัว


 



  • เยอรมนีมีกำหนดการประกาศการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ประจำไตรมาสที่ 3/2019 อย่างเป็นทางการในวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากที่สัปดาห์ก่อนหน้าประกาศออกมาเบื้องต้นที่ขยายตัว 0.1% สูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่าจะประกาศออกมาที่หดตัว 0.2% รอดพ้นภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค นอกจากนี้ยังมีกำหนดการประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรม (เบื้องต้น) ซึ่งถูกคาดว่าจะประกาศออกมาที่ 42.9 จุด ฟื้นตัวขึ้นจากครั้งก่อนหน้าเล็กน้อยที่ 42.1 จุด ยังคงอยู่ในแดนหดตัวอย่างต้อเนื่อง 11 เดือน ฝั่งสหรัฐฯ มีกำหนดการประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ภาคอุตสาหกรรมและรวมจากสถาบัน Markit ซึ่งถูกคาดว่าจะประกาศออกมาที่ 51.5 และ 51.9 จุดตามลำดับ ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยจากครั้งก่อนหน้าทั้งคู่ สะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง


 



  • ฮ่องกงมีกำหนดการจัดการเลือกตั้งสภาเขตในช่วงสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ ที่มีอำนาจในการบริหารและดูแลแต่ละเขตในฮ่องกง โดยการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งแรกนับตั้งแต่การประท้วงเริ่มขึ้นเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าผลการเลือกตั้งจะสะท้อนถึงมุมมองที่แท้จริงของประชาชนส่วนใหญ่ได้ว่ามีปริมาณมากน้อยเพียงใดที่สนับสนุนการชุมนุม พร้อมทั้งระบุว่าหากการเลือกตั้งจัดขึ้นเร็วกว่านี้ ผลที่ออกมาน่าจะมีการชนะแบบเด็ดขาด แต่ด้วยความรุนแรงที่ทวีมากขึ้น ส่งผลให้ยากที่จะคาดเดาอารมณ์และความรู้สึกของประชาชนโดยรวม 


 



  • สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เลี่ยงชัตดาวน์อีกครั้ง โดย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะช่วยให้หน่วยงานของรัฐบาลมีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 20 ธันวาคม ก่อนที่กฎหมายงบประมาณชั่วคราวฉบับเดิมจะหมดอายุ ทั้งนี้การลงนามดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ลงมติด้วยคะแนนเสียง 74 ต่อ 20 ให้ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณระยะสั้น เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ ภายใต้กฎหมายปัจจุบันนั้น งบประมาณที่ใช้ในการดำเนินงานของหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะหมดอายุในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งหากไม่มีการขยายเวลาสำหรับการใช้งบประมาณชั่วคราว หรือไม่มีการออกกฎหมายงบรายจ่ายสำหรับปีงบประมาณที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม หลายหน่วยงานของรัฐบาลก็ต้องปิดทำการไป


 


สภาวะตลาดวานนี้



  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวในแดนลบหลังความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนกลับมาคลุมเครืออีกครั้ง ทำให้นักลงทุนเริ่มชะลอการลงทุนเพื่อดูท่าทีที่ชัดเจน นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ กลับออกมาแย่กว่าคาด ทั้งตัวเลขการขอสวัสดิการว่างงานอยู่ที่ระดับ 227,000 ราย สูงสุดในรอบ 5 เดือน และยอดขายบ้านมือสองที่ประกาศออกมาน้อยกว่าคาด ส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบตามความกังวลการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ แม้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในยุโรปจะเพิ่มขึ้นก็ตาม


 



  • ตลาดน้ำมันปิดบวกจากการคาดการณ์ว่ากลุ่มโอเปกจะลดกำลังการผลิตไปจนถึงกลางปีหน้า ทำให้นักลงทุนคลายกังวลเรื่องสภาวะน้ำมันล้นตลาด ด้านตลาดทองคำปิดลบจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งขึ้นรวมไปถึง Fed รายงานจากที่ประชุมว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนขายสินทรัพย์ปลอดภัยออกมาบางส่วน


 


สหรัฐฯ



  • Dow 30 ปิดที่ 27766.29 ลดลง -54.8 (-0.2%)

  • S&P 500 ปิดที่ 3103.54 ลดลง -4.92 (-0.16%)

  • Nasdaq ปิดที่ 8506.21 ลดลง -20.52 (-0.24%)


 


ยุโรป



  • DAX ปิดที่ 13137.7 ลดลง -20.44 (-0.16%)

  • FTSE 100 ปิดที่ 7238.55 ลดลง -23.94 (-0.33%)

  • Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3679.66 ลดลง -4.22 (-0.11%)

  • FTSE MIB ปิดที่ 23279.78 ลดลง -72 (-0.31%)


 


เอเชีย



  • Nikkei 225 ปิดที่ 23038.58 ลดลง -109.99 (-0.48%)

  • S&P/ASX 200 ปิดที่ 6672.9 ลดลง -49.5 (-0.74%)

  • Shanghai ปิดที่ 2903.64 ลดลง -7.42 (-0.25%)

  • SZSE Component ปิดที่ 9774.44 ลดลง -34.6 (-0.35%)

  • China A50 ปิดที่ 13853.52 ลดลง -99.18 (-0.71%)

  • Hang Seng ปิดที่ 26466.88 ลดลง -422.73 (-1.57%)

  • Taiwan Weighted ปิดที่ 11558.27 ลดลง -72.93 (-0.63%)

  • SET ปิดที่ 1591.86 ลดลง -4.97 (-0.31%)

  • KOSPI ปิดที่ 2096.6 ลดลง -28.72 (-1.35%)

  • IDX Composite ปิดที่ 6117.36 ลดลง -37.74 (-0.61%)

  • BSE Sensex ปิดที่ 40575.17 ลดลง -76.47 (-0.19%)

  • PSEi Composite ปิดที่ 7818.89 ลดลง -79.17 (-1%)


 


Commodity



  • ราคาน้ำมัน Crude Oil WTI ปิดที่ 58.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.32 (2.32%)

  • ราคาน้ำมัน Brent Oil ปิดที่ 63.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.26 (2.02%)

  • ราคาทองคำ Gold ปิดที่ 1465.55 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง -8.65 (-0.59%)


 

เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้

เราใช้คุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ หากคุณยังคงใช้ไซต์นี้ต่อไปหมายความว่าคุณยอมรับข้อกำหนดและเงื่อนไขและนโยบายความเป็นส่วนตัว.